TH EN

สารจากคณะกรรมการ

การดำเนินงานในปี 2566 ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีการชะลอตัวถูกกดดันจากปัจจัยภายนอกที่บริษัทฯ ไม่สามารถควบคุมได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากสภาวะเศรษฐกิจที่ติบโตที่อัตรา 1.9% ต่ำกว่าการคาตการณ์และเป็นอัตราการเติบโตที่ลตลงเมื่อเทียบกับปี 2565 ที่เติบโต 2.5% ไม่สามารถช่วยลดแรงกดดัน ปัจจัยที่บั่นทอนกำลังซื้อของ

ผู้บริโภค กล่าวคือ อัตราดอกเบี้ยและหนี้ครัวเรือนที่ยังคงอยู่ในระดับสูง อีกทั้ง ธนาคารพาณิชย์ได้เพิ่มความเข้มงวดในการพิจารณาการปล่อยสินเชื่อ ส่งผลให้อัตราการปฏิเสธสินเชื่อเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงในตลาดบ้านระดับกลาง ล่าง กอปรกับยังไม่มีมาตรการกระตุ้นภาคสังหาริมทรัพย์ที่โดดเด่นเพียงพอจะตึงดูตใจผู้บริโภค ส่งผลให้การฟื้นตัวของยอตขายและยอตโอนไม่เป็นไปตามเป้าที่บริษัทฯ วางไว้ อย่างไรก็ดี รายได้จากธุรกิจโรงแรมยังคงมีการฟื้นตัวต่อเนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้นจากการฟื้นตัวต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยวและจากนโยบายภาครัฐในเรื่องของฟรีวีซ่า

โดยสรุปปี 2566 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 4.5% มาอยู่ที่ระดับ 10,824 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 7,171 ล้านบาท ลดลง 9.0% ทั้งนี้เป็นส่วนแนวราบลตลง 15.8% และอาคารชุดเพิ่มขึ้น 18.9% รายได้จากการประกอบกิจการโรงแรมจำนวน 2,406 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54.3% รายได้ค่าเช่าและบริการ 489 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.5% และมีรายได้จากการขายที่ดิน 758 ล้านบาท มีการเปิดโครงการใหม่ซึ่งเป็นโครงการแนวราบทั้งหมด 7 โครงการ มูลค่ารวม 9,705 ล้านบาท เป็นโครงการของบริษัท 6 โครงการ มูลค่ารวม 7,505 ล้นบาท และโครงการร่วมทุน 1 โครงการมูลค่า 2,200 ล้านบาท บริษัทฯ บันทึกผลการดำเนินงานเป็นขาตทุนของส่วนของผู้เป็นเจ้าของของบริษัทใหญ่ที่ 196 ล้นบาทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนที่ระดับ 1.5 เท่า

สำหรับปี 2567 คณะกรรมการบริษัทฯ ได้วางนโยบายการขับเคลื่อนธุรกิจด้วยความระมัดระวัง ยังมีความเสี่ยงจากปัจจัยที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น อย่างไรก็ดี นอกเหนือจากการรักษาสภาพคล่อง และเพื่อลดผลกระทบจากปัจจัยที่กล่าวมาแล้วข้างต้น จำเป็นที่จะต้องกลับมาสร้างความแข็งแกร่งให้ฐานะทางการเงินของบริษัทฯ หลังหลุดพ้นจากสถานการณ์โควิด 19 ซึ้งเป็นแนวทางที่คณะกรรมการบริษัทฯ ได้วางนโยบายดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องก่อนการแพร่ระบาดโควิด 19 โดยยังคงเน้นให้รายได้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน และเร่งลดภาระหนี้สินด้วยการขายทรัพย์สิน

ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีแผนที่จะเปิดโครงการใหม่ 7 โครงการ มูลค่ารวม 7,700 ล้านบาท เน้นทำเลที่บริษัทฯ มีความเชี่ยวซาญและได้รับการตอบรับสูง โดยเป็นโครงการแนวราบทั้งหมด เป็นบ้านระดับกลางถึงลักซ์ซัวรี่ ให้ความสำคัญในการควบคุมต้นทุนค่าก่อสร้างเพื่อรักษาอัตราการทำกำไรและให้ราคาอยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันได้ ขณะที่โครงการร่วมทุนตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ระดับ 3,770 ล้านบาท

ส่วนธุรกิจโรงแรมของบริษัทในเครือ บมจ.แกรนด์ แอสเสทฯ ฟื้นตัวต่อเนื่องจากภาศการท่องเที่ยวที่ศาตว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางเข้าประเทศในปีนี้สูงถึง 35-40 ล้านคน ทั้งหมดนี้คณะกรรมการยังคงยึดหลักการบริหารภายใต้บริบทของการทำกับตูแลและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ครอบคลุมการรับผิดชอบต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม

สุดท้ายนี้ ในนามของคณะกรรมกรบริษัทฯ ขอขอบคุณท่านผู้ถือหุ้นลูกค้าผู้มีอุปการคุณ นักลงทุน คู่ค้า พันธมิตร ตลอดจน สถาบันการเงินที่ได้ให้การสนับสนุนการดำเนินงานของบริษัทด้วยตีมาโดยตลอด รวมถึงผู้บริหารและพนักงานทุกคนที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอดทนและทุ่มเท ตลอดปีที่ผ่านมา


ดร.ทนง พิทยะ
ประธานกรรมการ

นายศานิต อรรถญาณสกุล
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร